Copyright 2024 - ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ชั้น 1 - 4 เลขที่ 120 หมู่ที่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. 10210 โทรศัพท์ 0 2142-1234

ทำดีย่อมมีอุปสรรค : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

          เมื่อคนเรานะหากมีความพอใจเป็นทุนรอนเบื้องต้นแล้ว เช่นนี้มันก็ย่อมลงมือทำล่ะบาดนินะพากเพียรพยายามไปการกระทำความดีนี่มันก็ชอบจะมีอุปสรรคมาขัดขวางเป็นระยะๆไป เมื่ออุปสรรคอะไรมาขัดขวางเกิดขึ้นเราก็พยายามฝ่าฟันอุปสรรคอันนั้นไป หาทางแก้ไขเอาจนว่าสุดกำลังความสามารถ เมื่อแก้ไขไม่ไหวแล้วนั่นน่ะถึงค่อยยุติลง นั่นแหละนี่จึงเรียกว่า “ความเพียร”

          เพราะว่าการทำความดีเมื่อทำไปแล้วไม่ใช่ว่ามันราบรื่นไปเรื่อยๆ นะ ก็ธรรมดานะ ดีมีอยู่ที่ไหน ชั่วก็มีอยู่ที่นั่น เหมือนอย่างพื้นแผ่นดินนี่แหละเมื่อต้นไม้ที่มีผลมีอยู่ที่ไหน ต้นหญ้าต้นศัตรูพืชมันก็มีอยู่ที่นั่น ปลูกข้าวลงในนา เอ้า หญ้ามันก็งอกขึ้นในนา ปลูกผลไม้ลงในสวน หญ้ามันก็งอกขึ้นในสวนนั่นแหละ ทีแรกนี่ปรับดินเตียนโล่งไปหมดเลย พอปลูกพืชผลหมากรากไม้ลงไปในดินแล้ว พอต้นไม้มันขึ้นไป ไอ้หญ้ามันก็แทรกขึ้นมาทันทีเลย อย่างนี้นะ เพราะเหตุนั้นพวกที่ทำสวนทำไร่มันจึงต้องได้ดายหญ้าไปเรื่อย ป้องกันหญ้าไม่ให้ขึ้น ไม่ให้มาแย่งกินอาหารของต้นไม้ที่มีผล ต้นไม้นั้นจึงงอกงามเจริญ ผลิดอกออกผลให้เจ้าของได้ 

          อันนี้ฉันใดก็อย่างนั้นแหละให้พึงพากันเข้าใจ การทำความดีไม่ว่าเพศใด ภูมิใด ไม่ว่าคฤหัสถ์ ไม่ว่านักบวช เมื่อลงมือทำความดีไปแล้วมันต้องมีความชั่วมาแทรกแซง ดังนั้นเราจึงต้องอาศัยความพากเพียรพยายามขจัดความชั่วนั้นออกไปเรื่อยๆ เมื่อขจัดความชั่วไปได้แต่ละที ปัญญามันก็เกิดขึ้น ความเฉลียวฉลาดมันก็มีขึ้น ก็ได้ความรู้ความฉลาดเพราะกิเลสนั่นแหละพูดง่ายๆ นะ ถ้าหากว่า กิเลสไม่มารบกวนใจ มันก็ไม่คิดไม่อ่านไม่หาหนทางกำจัดมัน เช่นนี้มันก็เลยไม่ฉลาด ไม่มีปัญญาอะไรเลย

 

ที่มา : http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=52321